แนวทางการรักษาตาเหล่และตาบอด 3 มิติ ของ การฟื้นเห็นเป็น 3 มิติ

ในคนไข้ตาเหล่แบบเกิดภายหลังและเห็นภาพซ้อน เป้าหมายเลิศสุดทางการแพทย์ก็คือเพื่อแก้การเห็นภาพซ้อน และในขณะเดียวกัน ทำการเพื่อให้เห็นภาพเป็น 3 มิติดังที่เคยได้มาก่อนยกตัวอย่างเช่น คนไข้อาจเคยเห็นเป็น 3 มิติอย่างสมบูรณ์มาก่อน แต่ภายหลังกลายมาเห็นภาพซ้อนเนื่องจากภาวะโรคซึ่งทำให้เสียการเห็นเป็น 3 มิติในกรณีนี้ วิธีการรักษาทางแพทย์ต่าง ๆ รวมทั้งการบำบัดการมองเห็น (vision therapy) และการผ่าตัดกล้ามเนื้อตา อาจจะแก้การมองเห็นภาพซ้อน และฟื้นคืนสภาพการเห็นเป็น 3 มิติที่หายไปชั่วคราวในคนไข้นี้

นอกจากนั้น เมื่อคนไข้ที่ตาเหล่มาแต่กำเนิด (เช่น infantile esotropia) ผ่าตัดกล้ามเนื้อตาภายใน 2-3 ปีแรกในชีวิตแพทย์ก็จะหวังด้วยว่า เด็กจะสามารถพัฒนาการเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตารวมทั้งการเห็นเป็น 3 มิติได้

โดยเปรียบเทียบกัน ในกรณีที่ผ่าตัดรักษาตาเหล่ของเด็กให้ตรงหลังจากอายุประมาณ 5-6 ขวบโดยที่เด็กไม่มีโอกาสพัฒนาการเห็นเป็น 3 มิติในวัยเด็กต้น ๆ ปกติความคาดหวังก็คือการรักษาจะทำให้ดูสวยงามขึ้น แต่จะไม่ได้การเห็นเป็น 3 มิติดังนั้น โดยดั้งเดิม แพทย์ก็จะไม่พยายามรักษาให้ได้การเห็นเป็น 3 มิติต่อ ๆ ไป

ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนหนึ่งได้สรุปมุมมองทางวิทยาศาสตร์อันเป็นที่ยอมรับในเวลานั้นดังนี้"การเห็นเป็น 3 มิติไม่มีทางเป็นไปได้ยกเว้นจะรักษาอาการตามัว ทำตาให้ตรง และได้การมองเห็นเป็นภาพเดียวด้วย 2 ตา ก่อนจะถึงระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่การพัฒนาเห็นเป็น 3 มิติจะหยุดลงข้อมูลทางคลินิกแสดงนัยว่า นี่เกิดก่อนอายุ 24 เดือน […] แต่เราก็ไม่รู้แน่ว่ามันเกิดเมื่อไร เพราะข้อมูลสำคัญทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานยังขาดอยู่"[4]

อีกตัวอย่างก็คือ เอกสารพิมพ์ในปี พ.ศ. 2545 ที่แพทย์แจกให้กับคนไข้ และสรุปข้อจำกัดอันเป็นที่ยอมรับของการรักษาที่ดีที่สุดในเวลานั้น คือ"ถ้าผู้ใหญ่มีตาเหล่ตั้งแต่เด็กซึ่งไม่เคยรักษามันสายเกินไปที่จะทำอาการตามัวหรือการรับรู้ความใกล้ไกลให้ดีขึ้น ดังนั้น เป้าหมายอาจจะเป็นเพียงแค่ความสวยงาม คือทำให้ตาดูว่ามองตรงแม้บางครั้งการรักษาก็อาจจะเพิ่มขอบเขตของการเห็นด้านข้าง ๆ"[5]ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยอมรับกันแค่เร็ว ๆ นี้ว่า การรักษาเช่นนี้มีหลักอยู่ในความคิดที่ไม่ได้ตรวจสอบ และตั้งแต่นั้น จึงเหลือเป็นแค่ "ตำนาน" หรือ "ความเชื่อ"[3]

เร็ว ๆ นี้ ปรากฏว่าการได้การเห็นเป็น 3 มิติได้เกิดขึ้นแก่ผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งแม้บางกรณีจะเกิดหลังการฝึกตา/การออกกำลังกายกล้ามเนื้อตา หรือเกิดขึ้นเองแต่แพทย์ก็เริ่มมองการผ่าตัดรักษาตาเหล่อย่างมีความหวังเพิ่มขึ้น ในเรื่องผลที่อาจได้เกี่ยวกับการเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาและการเห็นเป็น 3 มิติ[6]ดังที่ผู้เขียนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า

ผู้ใหญ่โดยมากจะเห็นด้วยสองตาดีขึ้นหลังจากการผ่าตัดรักษาตาเหล่ แม้อาการตาเหล่อาจจะมีมานานโดยสามัญที่สุด นี่จะอยู่ในรูปแบบของการขยายลานสายตาเมื่อมองด้วยสองตาแต่คนไข้บางคนอาจจะฟื้นเห็นเป็น 3 มิติได้ด้วย

– The efficacy of strabismus surgery in adults: a review for primary care physicians[7]

งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์เรื่องสภาพพลาสติกในระบบประสาทที่เหลืออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ปัจจุบันจะศึกษาการได้คืนการเห็นเป็น 3 มิติด้วยดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังตรวจดูเงื่อนไขและระดับที่สามารถเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาและเห็นเป็นภาพ 3 มิติ ที่เกิดได้ในวัยผู้ใหญ่โดยเฉพาะถ้าบุคคลนั้นชัดเจนว่าไม่ได้เห็นเป็น 3 มิติมาก่อน และศึกษาว่าผลที่ได้มีปัจจัยมาจากประวัติการรักษาอย่างไรด้วย

แหล่งที่มา

WikiPedia: การฟื้นเห็นเป็น 3 มิติ http://www.google.ca/patents/US20120179076?hl=en http://www.aetna.com/cpb/medical/data/400_499/0489... http://www.bbc.com/future/story/20120719-awoken-fr... http://f1000.com/posters/browse/summary/1089361 http://cdn.f1000.com/posters/docs/66836449 http://www.google.com/patents/WO2003092482A1?hl=en http://www.google.com/patents/WO2009053917A1?hl=en http://journals.lww.com/optvissci/Abstract/2014/06... http://www.medicalnewstoday.com/articles/259547.ph... http://www.nature.com/eye/journal/v20/n3/full/6701...